ห้องสไตล์นี้เหมาะกับ พรม แบบไหน

ไอเดียแต่งห้องด้วย พรม ตามสไตล์ต่างๆ จาก ดีดีไซน์ พรมคุณภาพ

การเลือก พรม ที่เหมาะสมสามารถเปลี่ยนบรรยากาศของห้องได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความอบอุ่น ความหรูหรา หรือแม้แต่ความสนุกสนาน การจับคู่ พรม ให้เข้ากับสไตล์การแต่งห้องเลยเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ที่จะช่วยให้ภาพรวมของห้องดูสวยลงตัวและน่าอยู่ขึ้น พรม จึงไม่ได้เป็นแค่ของตกแต่ง แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่พลิกโฉมห้องของคุณให้สมบูรณ์แบบและน่าอยู่ยิ่งขึ้นได้ในหลากหลายมิติ 

บทความนี้จะมาแนะนำวิธีเลือก พรม สำหรับห้องสไตล์ต่างๆ เพื่อให้คุณเลือก พรม ที่ใช่สำหรับบ้านของคุณ

ทำไมต้องเลือก พรม ให้เข้ากับสไตล์ห้อง?

1. กำหนดขอบเขตพื้นที่

พรม ช่วยแบ่งโซนการใช้งาน ในห้องได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะห้องแบบเปิดโล่ง พรมขนาดใหญ่ใต้ชุดโซฟาจะบอกว่านี่คือพื้นที่นั่งเล่น ส่วนอีกผืนใต้โต๊ะอาหารก็บ่งบอกถึงโซนรับประทานอาหาร ทำให้ห้องดูเป็นระเบียบและใช้งานได้เต็มที่

2. สร้างบรรยากาศและอารมณ์ของห้อง

พรม ช่วยในการสร้างบรรยากาศและอารมณ์ เปรียบเสมือนเครื่องมือที่สามารถเปลี่ยนความรู้สึกของพื้นที่นั้นๆ ได้อย่างสิ้นเชิง สีสัน ลวดลาย และแม้แต่เนื้อสัมผัสของ พรม ล้วนส่งผลต่อประสบการณ์ทางอารมณ์ของผู้ที่เข้ามาในห้อง

3. เพิ่มความสบายทั้งสัมผัสและเสียง

นอกเหนือจากความสวยงามแล้ว พรม ยังเป็นตัวช่วยสำคัญที่มอบ ความสบาย ให้กับทุกคนที่อยู่ในห้องได้อย่างแท้จริง มันช่วยสร้างความผ่อนคลายและทำให้ทุกย่างก้าวในบ้าน นอกจากนี้ พรม ยังมีบทบาทสำคัญในการจัดการเรื่องเสียงภายในห้องด้วย ในห้องที่มีพื้นผิวแข็ง อย่างเช่น พื้นไม้หรือกระเบื้อง มักจะเกิดเสียงสะท้อนหรือเสียงก้องได้ง่าย พรมจะช่วย ดูดซับเสียงเหล่านั้น ทำให้บรรยากาศในห้องเงียบสงบลงอย่างเห็นได้ชัด 

4. เชื่อมโยงองค์ประกอบทั้งหมด

พรม ทำหน้าที่เป็นเหมือนตัวกลางที่ เชื่อมโยงองค์ประกอบต่างๆ ในห้องเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน พรม ที่มีสีหรือลวดลายที่สอดคล้องกับเฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งอื่นๆ จะช่วยสร้างความต่อเนื่องและทำให้ภาพรวมของห้องดูสมบูรณ์แบบ มีรสนิยมมากขึ้น

ห้องสไตล์นี้ เหมาะกับ พรม แบบไหน?

สินค้าขายดีอันดับ 1 พรมแต่งห้อง จาก ดีดีไซน์ ส่งด่วนทั่วไทย

1. ห้องสไตล์มินิมอล (Minimalist)

ห้องสไตล์มินิมอลเน้นความเรียบง่าย สะอาดตา และฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก โทนสีที่ใช้มักเป็นสีกลางๆ เช่น ขาว เทา เบจ หรือดำ

พรมแต่งห้อง ที่เหมาะสม:

  • พรมสีพื้น: เลือกพรมสีพื้นในโทนสีกลางที่กลมกลืนกับสีของห้อง เช่น สีเทาอ่อน สีเบจ สีครีม หรือสีขาวงาช้าง
  • วัสดุธรรมชาติ: พรมที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ขนสัตว์ (wool) หรือฝ้าย (cotton) จะช่วยเพิ่มสัมผัสที่อบอุ่นและเป็นธรรมชาติโดยไม่ทำให้ห้องดูรกตา
  • ลวดลายเรียบง่าย: หากต้องการเพิ่มลวดลาย ควรเลือกลายเรขาคณิตที่เรียบง่าย หรือลายตารางเล็กๆ ที่ไม่ฉูดฉาด

2. ห้องสไตล์โมเดิร์น (Modern)

ห้องสไตล์โมเดิร์นโดดเด่นด้วยเส้นสายที่ชัดเจน ความทันสมัย และการใช้วัสดุที่ดูเนี้ยบ เฟอร์นิเจอร์มักมีรูปทรงเรขาคณิตและพื้นผิวที่มันวาว

พรมแต่งห้อง ที่เหมาะสม:

  • พรมสีเข้มหรือสีสด: สามารถเลือกพรมสีเข้มอย่าง เทาเข้ม ดำ หรือน้ำเงินเข้ม เพื่อสร้างความตัดกัน หรือจะเลือกพรมสีสดเพื่อเป็นจุดเด่นของห้องก็ได้ เช่น สีแดงเข้ม หรือสีเหลืองมัสตาร์ด
  • ลวดลายกราฟิก: พรมที่มีลวดลายกราฟิก abstract ลายเรขาคณิตขนาดใหญ่ หรือลายเส้นที่ชัดเจนจะเข้ากันได้ดีกับสไตล์โมเดิร์น
  • วัสดุสังเคราะห์: พรมที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์คุณภาพดี เช่น ไนลอน (nylon) หรือโพลีโพรพิลีน (polypropylene) มักจะทนทานและดูแลรักษาง่าย

3. ห้องสไตล์สแกนดิเนเวียน (Scandinavian)

สไตล์สแกนดิเนเวียนเน้นความอบอุ่น ความเรียบง่าย และการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ โดยใช้โทนสีอ่อน เฟอร์นิเจอร์ไม้ และแสงธรรมชาติ

พรมแต่งห้อง ที่เหมาะสม:

  • พรมถักมือ: พรมถักมือ หรือพรมที่มีลวดลายแบบชนเผ่า (Kilim rug) จะช่วยเพิ่มเอกลักษณ์และความเป็นธรรมชาติ
  • โทนสีอ่อน: เลือกพรมในโทนสีอ่อนอย่าง ขาว ครีม เทาอ่อน หรือสีพาสเทล เพื่อคงความสว่างและโปร่งโล่งของห้อง

4. ห้องสไตล์อินดัสเทรียล (Industrial)

ห้องสไตล์อินดัสเทรียลโดดเด่นด้วยการโชว์โครงสร้างอาคาร วัสดุที่ดิบๆ อย่างปูนเปลือย เหล็ก ไม้เก่า และอิฐ

พรมแต่งห้อง ที่เหมาะสม:

  • พรมสีเข้ม: เลือกพรมในโทนสีเข้ม เช่น เทาเข้ม ดำ น้ำตาลเข้ม หรือสีสนิม เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศที่ดูดิบและแข็งแกร่ง
  • ลวดลายเรขาคณิต: พรมที่มีลวดลายเรขาคณิตแบบหยาบๆ หรือลายที่ดูคล้ายพื้นผิวของวัสดุอย่างปูนหรือสนิม

5. ห้องสไตล์โบฮีเมียน (Bohemian)

ห้องสไตล์โบฮีเมียนเน้นความอิสระ ความหลากหลายของวัฒนธรรม และการผสมผสานของสีสัน ลวดลาย และวัสดุที่แตกต่างกัน

พรมแต่งห้อง ที่เหมาะสม:

  • พรมถักทอแบบมีลวดลาย: พรมที่มีลวดลายชนเผ่า ลายกราฟิกแบบอินเดีย หรือลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
  • พรมหลายชั้น: การวางพรมซ้อนกันหลายผืนโดยมีขนาดและลวดลายที่แตกต่างกัน จะช่วยเพิ่มมิติและความน่าสนใจให้กับห้อง
  • พรมพู่หรือพรมปอมปอม: พรมที่มีรายละเอียดอย่างพู่ หรือปอมปอม จะช่วยเพิ่มความขี้เล่นและเสน่ห์ให้กับห้องสไตล์โบฮีเมียน

6. ห้องสไตล์วินเทจ (Vintage)

สไตล์วินเทจนำเสนอความงามของยุคเก่า โดยมักใช้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งที่มีอายุย้อนไปในอดีต (ยุค 50s-70s) เน้นความอบอุ่น คลาสสิก และมีเรื่องราว

พรมแต่งห้อง ที่เหมาะสม:

  • พรมลายดอกไม้หรือลายกราฟิกย้อนยุค: พรมที่มีลวดลายดอกไม้เล็กๆ หรือลวดลายเรขาคณิตแบบย้อนยุค (ลายตาราง ลายเพสลีย์) จะช่วยเสริมความรู้สึกวินเทจ
  • พรมสีพาสเทลหรือสีหม่น: เลือกพรมในโทนสีพาสเทล หรือสีที่ดูเก่าๆ หม่นๆ เช่น เขียวมิ้นต์ ชมพูอ่อน ฟ้าหม่น หรือเบอร์กันดี
  • พรมกำมะหยี่: พรมที่มีเนื้อสัมผัสหรูหราอย่างกำมะหยี่ มีความนุ่มนวลจะช่วยเพิ่มความคลาสสิกให้กับห้อง

8. ห้องสไตล์คลาสสิก/หรูหรา (Classic/Luxurious)

สไตล์คลาสสิกหรือหรูหราเน้นความสง่างาม ความประณีต และความโอ่อ่า มักใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็ง แกะสลัก หรือวัสดุที่มีคุณภาพสูง

พรมแต่งห้อง ที่เหมาะสม:

  • พรมเปอร์เซีย หรือพรมโอเรียนทัล: พรมเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและงานฝีมือที่ประณีต ลวดลายที่ซับซ้อนและสีสันที่ลงตัวจะช่วยยกระดับห้องได้อย่างดี
  • พรมไหม (Silk): วัสดุเหล่านี้จะให้สัมผัสที่นุ่มนวลและเงางาม เพิ่มความรู้สึกหรูหรา
  • พรมสีเข้มและลึก: เลือกพรมในโทนสีเข้ม เช่น แดงเบอร์กันดี น้ำเงินเข้ม เขียวมรกต หรือทอง เพื่อสร้างบรรยากาศที่โอ่อ่า

9. ห้องสไตล์ไทย (Thai Style)

การตกแต่งสไตล์ไทยมักเน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลัก ผ้าไหมไทย สีสันที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและศิลปะไทย เช่น สีทอง สีแดงเข้ม สีเขียวมรกต และมีการนำลวดลายไทยหรือลวดลายที่สื่อถึงธรรมชาติมาใช้

พรมแต่งห้อง ที่เหมาะสม:

  • พรมลายไทยประยุกต์หรือลายดอกไม้ไทย: เลือกพรมที่มีการนำลวดลายไทยโบราณมาประยุกต์ให้ดูร่วมสมัย หรือลายดอกไม้ไทยที่อ่อนช้อย เช่น ลายประจำยาม ลายกนก ลายพิกุล หรือลายนกยูง เพื่อสื่อถึงความเป็นไทยอย่างชัดเจน
  • พรมสีเอิร์ธโทนหรือสีอัญมณี:
    • สีเอิร์ธโทน: เพื่อคงความอบอุ่นและเป็นธรรมชาติของงานไม้ ควรเลือกพรมในโทนสีน้ำตาลทอง สีเบจ สีครีม หรือ สีเขียวมะกอก ที่เข้ากับไม้
    • สีอัญมณี: หากต้องการเพิ่มความหรูหราและโดดเด่น สามารถเลือกพรมที่มีสีสันสดใสแบบอัญมณี เช่น สีแดงทับทิม สีเขียวมรกต สีทองอร่าม หรือ สีน้ำเงินแซฟไฟร์ ซึ่งเป็นสีที่นิยมใช้ในงานศิลปะไทย
  • พรมไหม (Silk): พรมที่ทำจากไหมจะให้ความรู้สึกหรูหรา เงางาม และนุ่มนวล ซึ่งเหมาะกับการตกแต่งที่เน้นความประณีต 
  • พรมขนาดใหญ่: การใช้พรมขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้องนั่งเล่นหรือห้องนอน จะช่วยกำหนดขอบเขตของพื้นที่และสร้างความรู้สึกต่อเนื่องในการตกแต่ง
สินค้าคุณภาพระดับพรีเมี่ยม พรมปูพื้น พรมแต่งห้อง ดีดีไซน์ ราคาส่ง

การเลือก พรมแต่งห้อง หรือ พรมปูพื้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่การตกแต่ง แต่เป็นการเพิ่มความรู้สึกและฟังก์ชันให้กับพื้นที่ใช้งาน การทำความเข้าใจสไตล์ของห้องจะช่วยให้คุณเลือกพรมที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการเน้นความเรียบง่าย หรูหรา อบอุ่น หรือสนุกสนาน ลองนำคำแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ เพื่อสร้างสรรค์ห้องของคุณให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

พรม แต่ละประเภท เหมาะกับพื้นที่ไหนในบ้าน

พรมปูพื้น สำหรับห้องนั่งเล่น: หัวใจของบ้านที่ต้องการทั้งความสวยและทนทาน

ห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ที่ทุกคนในบ้านและแขกผู้มาเยือนใช้เวลาร่วมกันมากที่สุด พรมปูพื้น ในห้องนี้จึงต้องโดดเด่นทั้งในเรื่องความ สวยงาม เพื่อเป็นจุดศูนย์กลางสายตา และความ ทนทาน เพื่อรองรับการสัญจรที่ค่อนข้างสูง

  • เน้นความทนทาน: เลือก พรมปูพื้น ที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรงทนทาน เช่น พรมใยสังเคราะห์คุณภาพดี อย่างไนลอนหรือโพลีโพรพิลีน ซึ่งทนต่อการขัดถูและทำความสะอาดง่าย

  • ขนาดที่พอดี: พรมปูพื้น ควรมีขนาดใหญ่พอที่จะวาง ขาหน้าของเฟอร์นิเจอร์หลัก เช่น โซฟาและเก้าอี้อาร์มแชร์ ลงบนพรมได้อย่างน้อย เพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงและกำหนดขอบเขตของพื้นที่นั่งเล่นได้อย่างชัดเจน

  • สไตล์ที่เข้ากัน: เลือกสีและลวดลายที่สอดคล้องกับธีมหลักของห้องนั่งเล่น จะเป็นพรมสีพื้นเรียบๆ เพื่อความสงบ หรือพรมลายกราฟิกโดดเด่นเพื่อเป็นจุดสนใจก็ได้

พรมปูพื้น สำหรับห้องนอน: ความนุ่มสบายเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง

ห้องนอนคืออาณาจักรส่วนตัวที่ต้องการความผ่อนคลายสูงสุด พรมในห้องนี้จึงควรเน้นที่ ความนุ่มสบาย และสัมผัสที่อบอุ่น เพื่อต้อนรับเท้าเปล่าของคุณในยามเช้าและก่อนเข้านอน

  • สัมผัสที่อบอุ่นนุ่มนวล: เลือก พรมขนยาว (Shag Rug) ที่ให้สัมผัสฟูนุ่มเหมือนเหยียบปุยเมฆ จะช่วยเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายและลดความเย็นจากพื้นห้องได้อย่างดีเยี่ยม

  • ขนาดที่เหมาะสม: วางพรมให้ขยายออกไป อย่างน้อย 60-90 เซนติเมตรจากขอบเตียง ในแต่ละด้านที่คุณลงจากเตียง เพื่อให้เท้าสัมผัสกับความนุ่มสบายได้ทันที

  • โทนสีสงบ: สีของพรมควรเป็นโทนสีที่ช่วยส่งเสริมการพักผ่อน เช่น สีเทาอ่อน สีเบจ สีครีม หรือสีพาสเทลอ่อนๆ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ

พรมปูพื้น สำหรับห้องรับประทานอาหาร: สวย ทนทาน และทำความสะอาดง่าย

ห้องรับประทานอาหารเป็นพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดคราบสกปรกจากอาหารและเครื่องดื่มได้ง่าย พรมปูพื้น ในห้องนี้จึงต้องมีคุณสมบัติที่ ทนทานต่อคราบ และ ทำความสะอาดง่าย เป็นสำคัญ

  • ทนทานต่อคราบและทำความสะอาดง่าย: เลือก พรมใยสังเคราะห์ ที่มีคุณสมบัติกันคราบและง่ายต่อการเช็ดทำความสะอาด หรือ พรมแบบทอเรียบ (Flat-weave) ที่ไม่มีขนยาวสะสมฝุ่นและเศษอาหาร

  • ขนาดและรูปทรง: พรมควรมีขนาดใหญ่พอที่เมื่อเลื่อนเก้าอี้ออกไปนั่งแล้ว ขาเก้าอี้ทั้งสี่ขาจะยังคงอยู่บนพรม รูปทรงของพรมควรเข้ากับรูปทรงของโต๊ะอาหาร เช่น โต๊ะกลมคู่กับพรมวงกลม โต๊ะสี่เหลี่ยมคู่กับพรมสี่เหลี่ยม

  • หลีกเลี่ยงพรมขนยาว: พรมที่มีขนยาวไม่เหมาะกับห้องนี้ เพราะจะทำให้เศษอาหารและสิ่งสกปรกติดค้างได้ง่าย

พรมปูพื้น สำหรับห้องทำงาน/โฮมออฟฟิศ: ส่งเสริมสมาธิและความสบายตา

ห้องทำงานหรือโฮมออฟฟิศคือพื้นที่ที่ต้องการสมาธิและความสงบ พรมปูพื้น ในห้องนี้ควรเน้นที่ความ เรียบง่าย ไม่รบกวนสายตา และอาจช่วยลดเสียงสะท้อนเพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการทำงาน

  • เรียบง่ายและไม่ฉูดฉาด: เลือก พรมสีพื้น ในโทนสีกลางๆ เช่น เทา เบจ น้ำเงินเข้ม หรือ พรมที่มีลายเรขาคณิตเรียบๆ ที่ไม่ดึงดูดความสนใจมากเกินไป

  • ฟังก์ชันการใช้งาน: หากใช้เก้าอี้ทำงานแบบมีล้อ ควรเลือกพรมที่มี ขนสั้นหรือพรมแบบทอเรียบ เพื่อให้ล้อเก้าอี้เคลื่อนที่ได้สะดวก และควรพิจารณาแผ่นรองพรม (Rug Pad) เพื่อป้องกันการลื่นและยืดอายุการใช้งานของพรม

  • วัสดุที่ทนทาน: พรมใยสังเคราะห์ เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะทนทานต่อการใช้งานและดูแลรักษาง่าย

การเลือก พรมปูพื้น ให้ถูกกับประเภทของห้อง ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มความสวยงาม แต่ยังเป็นการเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานและความสบายให้กับพื้นที่นั้นๆ ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ เพื่อให้พรมทุกผืนในบ้านของคุณทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดครับ

ดีดีไซน์ แนะนำพรมปูพื้นห้องนอน ทำอย่างไรให้สวยงามและคุ้มค่า

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ พรมแต่งห้อง

เพื่อช่วยให้คุณเลือกและดูแลได้อย่างมั่นใจ

Q: เลือก พรมแต่งห้อง ก่อนหรือเลือกเฟอร์นิเจอร์ก่อน อะไรควรมาก่อน?
A: หากคุณเริ่มตกแต่งใหม่ทั้งหมด แนะนำให้เริ่มจากการเลือกเฟอร์นิเจอร์หลักก่อน แล้วค่อยเลือก พรมแต่งห้อง ที่เข้ากับโทนสีและวัสดุของเฟอร์นิเจอร์ แต่ถ้ามีพรมสวยๆ อยู่ในใจแล้ว ก็สามารถใช้พรมเป็นจุดตั้งต้นในการเลือกโทนห้องได้เช่นกัน

Q: ถ้าห้องมีลวดลายของตกแต่งเยอะอยู่แล้ว ควรเลือก พรมแต่งห้อง แบบไหน?
A: แนะนำให้เลือก พรมแต่งห้อง ลายเรียบหรือสีพื้น เพื่อไม่ให้ห้องดูรกตาหรือซับซ้อนเกินไป การใช้ พรมแต่งห้อง เป็นตัวช่วย “เบรก” ความวุ่นวายของลวดลายในห้อง จะช่วยให้ภาพรวมสมดุลมากขึ้น

Q: ห้องขนาดเล็กควรใช้ พรมแต่งห้อง ขนาดใหญ่หรือเล็ก?
A: ห้องขนาดเล็กควรใช้ พรมแต่งห้อง ขนาดใหญ่ให้เต็มพื้นที่ใต้เฟอร์นิเจอร์หลัก เช่น ใต้โซฟาหรือใต้เตียง เพื่อให้ห้องดู “เชื่อมต่อกัน” และดูกว้างขึ้น หลีกเลี่ยง พรมแต่งห้อง ผืนเล็กที่ดูแยกส่วน เพราะจะทำให้ห้องดูแคบและไม่ต่อเนื่อง

Q: มี พรมแต่งห้อง หลายผืนในห้องเดียวได้ไหม?
A: ได้ครับ โดยเฉพาะห้องเปิดโล่ง เช่น ห้องนั่งเล่นรวมกับพื้นที่รับประทานอาหาร การใช้ พรมแต่งห้อง หลายผืนช่วยแยกโซนการใช้งาน แต่ควรเลือกพรมที่มีโทนสีหรือวัสดุไปในทางเดียวกัน เพื่อให้ห้องยังคงดูเป็นหนึ่งเดียว

Q: พรมแต่งห้อง ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้ใช้งานในห้องอย่างไร?
A: พรมแต่งห้อง มีผลโดยตรงต่อความรู้สึกผ่านสัมผัสและสายตา พรมเนื้อนุ่มให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย พรมลายชัดช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ส่วนพรมโทนสีเย็นช่วยสร้างบรรยากาศสงบและผ่อนคลาย การเลือกพรมจึงสามารถกำหนดอารมณ์ของห้องได้อย่างมีพลัง

ไม่ว่าห้องจะเล็กหรือใหญ่ ห้องสไตล์ไหน แค่เลือกพรมที่ใช่ ห้องก็เป๊ะได้ง่ายๆ 

ดีดีไซน์ ผู้เชี่ยวชาญงานปูพรม

บริการผลิตและติดตั้ง"พรมปูพื้น"
ด้วยทีมงานมืออาชีพ

บทความเพิ่มเติม